วันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปงานๆ หนึ่งที่เชื้อเชิญให้นักพัฒนาและผู้ที่สนใจในตัว Google มารวมตัวกัน นั่นคืองาน GDG DevFest Bangkok 2012 บรรยากาศจะเป็นอย่างไร และน่าสนใจขนาดไหน ติดตามอ่านได้เลยครับ :3
สถานที่จัดงานตั้งอยู่ที่ Center Point บางนา (สถานที่ถ่ายทำรายการชื่อดังอย่าง The Voice) ไปถึงประมาณ 8 โมงครึ่ง ซึ่งได้นัดแนะไว้กับเพื่อนๆ ชาว Twitter อย่าง @JokerDeZ @BehemortHz @iamgotta @imtaiki @iPlugz บรรยากาศภายในงานเป็นแบบเรียบง่าย แต่เรียบหรู งานนี้จริงๆ เป็นการแสดงนวัตกรรมใหม่ๆ ของ Google มากมาย ซึ่งก็มีผู้บริหารจากทาง Google มาเยอะแยะ (ซึ่งมีการจัดงานคู่ไปอีก 1 งาน คือ G Thailand เป็นงานกึ่งแนวธุรกิจ) ช่วงเช้าก็มีการเปิดงานเล็กน้อยพอเป็นพิธี จากนั้นมี Keynote มาแสดงถึงสิ่งใหม่ๆ ที่ทาง Google กำลังพัฒนา (ตามที่งาน Google IO 2012 ได้แสดงไว้) โดยคุณ Merci Niebres และคุณ Martin Gornor
จากนั้นจะมีการแบ่ง Session ของการบรรยายออกเป็น 3 ห้อง โดยแต่ละห้องจะมีการบรรยายเกี่ยวกับเรื่องของการพัฒนาเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นมือถือ และการทำธุรกิจ ซึ่งล้วนแล้วแต่อยู่บนพื้นฐานของ Google ทั้งหมด (ยกเว้นห้องกลางที่เป็นเรื่องของการใช้บริการของ Google เพื่อพัฒนาระบบการศึกษา) โดยผมเลือกเข้าฟังในหัวข้อที่สนใจดังต่อไปนี้
- Session แรกที่เข้าฟังคือเรื่อง Google+ API โดยพี่ตั้ง ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Zocialinc เป็นการแนะนำว่า API ของ Google+ นั้นมีหน้าตาแบบไหน และใช้งานได้อย่างไร ซึ่งความสามารถที่ปล่อยออกมายังเป็นแค่การ Get ข้อมูลเข้ามาเท่านั้น ยังไม่สามารถ Send ข้อมูลไปยัง Google+ ได้ โดย Session นี้ได้รับความสนใจอยู่ไม่น้อยเพราะถือว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่อยู่
- Session ที่สองคือเรื่อง Android Development โดยพี่หนูเนย ผู้สร้างแอพถ่ายรูปชื่อดังบน Symbian อย่าง MOLOME เรื่องนี้เป็นการแนะนำว่า เราควรจะพัฒนา Application ต่างๆ บน Android อย่างไรไม่ให้เกิดปัญหา ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ที่พบเห็นหลักๆ คือขนาดหน้าจอที่มีมากมายของ Device ในปัจจุบัน ทำให้นักพัฒนาหมดกำลังใจ ฉะนั้น การรู้จัก Fragmentation Application จึงเป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยแก้ไขได้เป็นอย่างดี
|
ภาพจาก : Kittitorn Thamphoonphisai |
- Session ถัดมาคือเรื่อง Animate your HTML5 โดยคุณ Martin Gorner Outreach Manager ของ Google พูดถึงเรื่องของการสร้างสรรค์งาน Animation ที่ขับเคลื่อนด้วย HTML5 และ CSS3 รวมถึงเครื่องมือตัวอื่นที่ช่วยอำนวยความสะดวกได้เป็นอย่างดี งานนี้ต้องบอกว่า คนเขียนเว็บอย่างผมยังตกในที่เห็นโค้ด 2 บรรทัดที่ทำให้ภาพเป็น 3D ได้เลย ฮ่าๆ
|
ภาพจาก : Arming Huang |
- Session ต่อมา ต้องบอกก่อนว่าทั้งสองห้องของ Tech และ Plenary เป็น Session ของฝรั่งด้วยกันทั้งคู่ แต่คนนึงสำเนียงอินเดีย ฟังแล้วงง อีกคนเป็นคนจีน และเป็นเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนา Application Android ทั้งคู่ ซึ่งพยายามนั่งฟังก็ไม่เข้าใจ เลยย้ายไปนั่งอยู่ Session ของ G Thailand คือเรื่อง Google+ and Campus เป็นเรื่องของการนำ Google+ มาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่มหาวิทยาลัยและตัวนักศึกษาเอง เช่น การใช้ Google Hangout ในการปรึกษางาน หรือการตรวจสอบงานของอาจารย์ผ่าน Google Docs ซึ่งมานั่งฟัง Session นี้แล้ว Google เอง เล็งเห็นว่าการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ และการใช้เทคโนโลยีในปัจจุบันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงผนวกเอาทุกอย่างที่อำนวยความสะดวกเข้าไว้ด้วยกันที่ Google+ นั่นเอง
- Session สุดท้ายของงานที่ได้เข้าฟังคือ Don’t Just Build a Mobile App. Build Business เป็นเรื่องของการสร้างรายได้ให้กับ App มือถือที่เราทำด้วย AdMob ซึ่ง Speaker (คุณอัญภัทร) ได้อธิบายถึงโครงสร้างของการทำให้ App ของนักพัฒนาสามารถโด่งดังในตลาดสากล และการทำให้เกิดรายได้แก่ผู้พัฒนาเอง งานนี้นักพัฒนาแอพได้ใจชื้นกันเป็นแถวๆ เลยละครับ
ก่อนกลับ ก็มีการแจกเสื้อ T-shirt ให้คนละหนึ่งตัว และผมก็ได้สมุด ปากกาและสติ๊กเกอร์ลายต่างๆ จาก Google กลับมาด้วย งานนี้ถือว่าคุ้มค่ามาก ได้ทั้งความรู้และสาระมากมาย ปีหน้าถ้ามีอีก ก็คิดว่าคงจะมาอีก อยากมาดูว่า นวัตกรรมต่อไปของ Google ที่จะออกมาท้าทายให้พวกเรานักพัฒนาทั้งหลายมีอะไรอีก 🙂
ปล. : การไปกรุงเทพฯ รอบนี้ ได้มิตรภาพดีๆ กลับมาพิษณุโลกเพียบเลย ขอบคุณเพื่อนๆ ชาว Twitter ทุกคนเลยนะครับ หวังว่าคราวหน้าคงได้เจอกันอีก 😀