เป็นธรรมเนียมของเด็กฝึกงานที่ต้องมาเขียนบล็อกเพื่อบอกถึงประสบการณ์ชีวิตในการฝึกงาน จริงๆ มันน่าจะมี EP 0 ก่อนซะด้วยซ้ำ แต่ไม่ทันละ เพราะนี่ก็ทำงานมาครบอาทิตย์พอดี งั้นก็ขอรวบยอดเป็น เกริ่นนำและสัปดาห์ที่ 1 ไปทีเดียวเลยละกันนะครับ
เกริ่นนำ
ผมเลือกมาฝึกงานอยู่ที่ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ NECTEC ซึ่งอยู่ในส่วนของห้องปฏิบัติการวิจัยสื่อประสม (DMI) ที่จังหวัดปทุมธานี ครับ เหตุผลเพียงเพราะ มันอยู่ชายขอบความเป็นคนเมืองและอยากลองทำงานใน Lab ของราชการว่าเค้าทำงานกันอย่างไร เพราะชื่อ NECTEC นี่เลื่องชื่อลือชามานาน โดยต้องขอบพระคุณพี่ +Sitdhibong Laokok มา ณ ที่นี้นะครับ ที่ช่วยประสานงานเรื่องการฝึกงานให้ผม 😀
สัปดาห์ที่ 1
- วันแรกของการทำงานก็โชคดีเลย ออกมาดูงานนอกสถานที่ที่จัตุรัสวิทยาศาสตร์ (จามจุรีสแควร์) แถมหัวหน้าแลปเลี้ยงข้าวด้วย เฮ วันนั้นทั้งวันเลยรับขอบเขตของงานที่ทำมาแบบงูๆ ปลาๆ
- วันที่สองพี่เลี้ยงไม่มาแลปครับ วันนั้นยอมรับว่าอู้ช่วงเช้ามาก แอบงีบไปครึ่งชั่วโมง ขอโทษค๊าบ -/-
- วันที่สามกับสี่ก็พยายามรวบรวมข้อมูลที่จะใช้ในการทำโปรเจค ยังขอไม่พูดถึงโปรเจคที่จะทำนะครับ พอดีมันยังไม่ละเอียดพอที่จะอธิบาย
- วันที่ห้า มีเด็กฝึกงานจากต่างประเทศญี่ปุ่นชื่อ นานามิจัง ซึ่งอายุ 23 ปี เป็นพี่เราเลยแหละ ตอนแรกก็เกร็งๆ ว่าจะคุยกับเค้ารู้เรื่องมั้ย คือไอ้เรื่องภาษาอังกฤษผมก็ง่อยพอตัวแล้ว เค้าก็พอพูดได้ ขนาดผมถามเค้าว่า “ฮาว โอล อาร์ ยู ?” คำว่า โอล มันคงเป็นอุปสรรค เค้าตอบกลับมาว่า “ไอ แอม ไฟน์” ผมก็ถามซ้ำไปอีกรอบด้วยสำเนียงเดิม เค้าก็ยังทวนคำตอบเดิม พอสะกดคำว่า โอล (old) ให้เค้าฟัง เค้าถึงอ๋อว่าถามอายุ – -” ช่วงเดินกลับตึกก็เลยงัดไม้ตายที่มีเลย ผมบอกเค้าว่า “I like Perfume J-Pop very much” ตอนแรกเค้าก็ก่งก้งไปซักแปบ พอบอกว่าวง Perfume อะ โอ้โห่ เจ๊นานามิจัดเต็มเลย ชวนผมคุยไม่หยุด ถามหมดว่าชอบเพลงไหน ร้องได้หรือเปล่า เต้นได้มั้ย วันนั้นก็ทำให้พอสนิทกับพี่นานามิได้มากขึ้น อ้อ ผมได้สอนภาษาไทยให้เค้าไปด้วยนะ คำว่า “พี่สาว” เพราะเค้าคือพี่ไง ฮ่าๆ
- เมื่อวันที่สองถึงสี่นี่กะเวลาตื่นผิดไปเยอะ คือผมก็ตื่น 7 โมงเช้าเสทอนะ ไม่เคยเกิน 5 นาที อาบน้ำก็ 20 นาที แต่งตัวเก็บของอีก 10-15 นาที แล้วการที่เยื้องย่างจากหอผมซึ่งอยู่ท้ายมากไปตรงที่รอรถตู้ฟรีที่มันจรับส่งจากหอผมไปตรงปากซอยก็อีก 10-15 นาทีแล้วก็เดินข้ามสะพานมารอรถสองแถวหรือรถรางของมออีก 5 นาที เบ็ดเสร็จสุดท้าย กว่าจะไปถึงหน้าสวทช. ผมก็ได้ยืนเคารพธงชาติมันทุกวัน มันคือการเคารพธงชาติในรอบ 4 ปีเลยก็ว่าได้
- แอบแซะเรื่องหอที่อยู่นิดนึง หอ Golf View ข้างม.ธรรมศาสตร์ฝั่งประตูเชียงราก คือหอที่นี่เค้าทำเป็นเหมือนเมืองใหม่อะครับ ก็จะมีผู้รับเหมาเจ้าเดียวเลยจัดการดูแล การเดินทางต้องนั่งรถตู้หรือรถอะไรก็ได้เข้ามา เพราะทางที่เข้ามามันเป็นทางชุมชนแคบๆ ลึกประมาณ 1 กิโลเมตรจากปากซอย พอเข้ามามันดูว้าวมาก คือเหมือนเมืองใหม่จริงๆ ทีนี้เรื่องมันมีอยู่ว่า หอนี้เค้าร่ำรือว่าน้ำไม่ไหล ไฟดับแบบไม่ชอบบอก คือนึกจะไม่ไหลก็ไม่ไหลหรือไฟดับก็ดับเลย วันที่สองโดนเลยจ๊ะ ตื่นเช้าอย่างปกติแปรงฟันเสร็จ พอจะอาบน้ำ อ้าว ทำไมมันไหลๆๆๆแล้วก็…หยุด เอาละสิ มันเล่นกูแล้ว พอโทรไปหาช่างซ่อม ก็ไม่รับโทรศัพท์ เข้าใจว่าทุกคนในหอกำลังกระหน่ำโทรไปแน่ๆ แล้วดูนาฬิกาคือสายแล้วกู นาทีนั้นตัดสินใจเอาน้ำกินที่มีอยู่ 2 ขวด มาอาบน้ำเลย เพราะมันไม่ทันแล้ว พอจัดการตัวเองเสร็จ กำลังจะเช็ค Line แล้ว Wifi หอมันก็หายไป (Wifi ของหอจะให้แค่ 2 Mb ต่อ 1 User แล้วใช้ได้แค่เครื่องเดียว ความเร็วจะขึ้นอยู่กับผู้ใช้มากน้อย ในฐานะคนต้องใช้เน็ทเร็วๆ นี่แบบ…) ก็เลยเดินออกมานอกห้อง พอดูลิฟต์ปั๊บ ไฟดับจ้า พวกชั้น 8 คือซวยเลย แล้วก็ไปหาอะไรกินที่ทำงานละกัน สรุป วันนั้นก็สายไป 10 นาทีเลย แล้วก็ถามเพื่อนอีกหอนึงว่ามันเป็นมั้ย น้ำไม่ไหลไฟดับ มันก็บอกว่าไม่เป็น เราก็เอ๊ะเลยสิ ทำไมเราเป็นมันไม่เป็น ก็เลยได้รู้ว่า เค้าซ่อมท่อมประปา แล้วเวลาตัดน้ำก็จะตัดทีละหอ เพื่อจะได้ซ่อมได้สะดวกๆ ส่วนไฟที่ดับเมื่อเช้า อันนั้นไม่รู้ เฮ้อ – -“
- ขอเมา้ท์มอยเรื่องห้อง Lab หน่อยนึง ที่ห้องนั้นมันจะขายขนมกับน้ำด้วย ราคานี่ใครๆ เห็นแล้วก็ตาลุกวาว คือไม่ต้องเดินไป 7-11 แต่ห้องนี้มีของว่างที่ซัพพอร์ทคุณได้ทั้งวัน การซื้อขายนี่ก็อาศัยความซื่อสัตย์สุดๆ จะซื้ออะไรก็เอาเงินหย่อนใส่กระปุก แล้วก็หยิบขนมกับน้ำไปได้เลย พี่ตั้วของผมถึงกับบอกว่า ‘ไม่มีเด็กฝึกงานคนไหน จบไปแล้วน้ำหนักไม่ขึ้นหรอก’ เอาสิ เดี๋ยววีรยุทธจะเป็นแรกที่ล้มความคิดนี้! อิอิ
- ส่วนเรื่องการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ก็เป็นเรื่องปกติของผมไปละ แต่ก็ยังไม่ชินเท่าไหร่นะ เพราะปกติไปไหนมาไหนก็คร่อมมอไซต์แล้วก็แว้นไปเลย แต่นี่ขนาดนั่งรถจากธรรมศาสตร์ไปฟิวเจอร์ปาร์คยังกับนั่งรถข้ามจังหวัด โฮ
ตอนแรกก็ไม่เชื่อหรอกนะว่าพอเป็นคนทำงานแล้วร่างกายมันจะงอแงเวลาถึงที่พัก ตอนนี้เชื่อละ หลับเป็นตายมาก ง่วงเร็วมาก ก็ดีแล้วละ อยากนอนให้เต็มี่เหมือนกัน ส่วนเรื่องการปรับตัวตอนนี้โอเคแล้วครับ เหลือแค่การจัดสรรเวลาและการปรับตัวในการทำงานแค่นั้นเอง อาทิตย์ที่ 1 ก็จบด้วยประการละฉะนี้~ *ปิดวิก*