เคยกันหรือเปล่าครับที่เราใช้ชีวิตกันบนโลกใบนี้จนเหนื่อยเกินไป พอเหนื่อยมากๆ แล้วก็ไม่รู้จะแก้ปัญหายังไงดีให้เราหายเหนื่อย เล่นเกมก็แล้ว ซื้อของมาปรนเปรอตัวเองก็แล้ว ยังไงก็ไม่หายเหนื่อย ที่พูดมาผมก็ทำมาหมดละ สรุป ไม่รู้จะทำยังไง บวชเลยดีกว่า ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ ซีรีย์บล็อกนี้ก็เลยมาเล่าให้ฟังว่าแต่ละวันตั้งแต่ก่อนบวชยันจนถึงวันบวช กิจวัตรแต่ละวัน แล้วก็สึกออกมาเป็นยังไงบ้าง นี่ถือเป็นความท้าทายของตัวเองอีกอย่างเหมือนกัน

ตัวผมเองเนี่ยตอนประถมนี่เป็นทั้งเด็กมารยามารยาทงาม ประกวดจนได้รางวัลมาเยอะแยะ ประกวดสวดมนต์สรภัญญะก็ทำมา สอบใบเปรียญมั้ง ที่เค้าให้สอบเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาก็ทำมาแล้ว มีใบ cert พุทธมามกะก็มี ดูเหมือนผมฝักใฝ่ธรรมะมากเลยเนาะ จนกระทั่งพอเข้ามัธยม อะไรพวกนี้ก็เหมือนจะกลืนหายไปเรื่อยๆ ตามสังคมแล้วก็สิ่งที่ตัวเองสนใจ ช่วงเข้ามหาลัยนี่ห่างหายกว่าเดิมอีก แต่ก็ยังมีช่วงปี 3 ปี 4 ที่ทำโปรเจคจนเครียดก็เลยหนีไปสวดมนต์ ทำวัตรเย็นที่วัดใหญ่ ไหว้พระหน้าห้องอะไรงี้ก็พอทำบ้าง สุดท้ายพอเข้ามาทำงานกรุงเทพ สนิทเลย… ห่างหายจากวงการพุทธศาสนาแบบเต็มสตรีม เรียกได้ว่าแทบจะจำบทสวดอะไรไม่ได้เลยแหละ

อยู่มาวันนึงมันรู้สึกว่าเราไม่เคยได้พักแบบสงบจิตใจซักทีเลย เรียนจบมาก็ทำงาน แล้วก็ทำงานๆๆๆ การเที่ยวมันไม่ได้พักจริงๆ หรอกสำหรับเรา มันเป็นการหลอกตัวเองนิดๆ ว่าเอ้อเราพักนะเว้ย แต่จริงๆ กลับมาทุกคนก็บ่นเหนื่อยจากการไปเที่ยวอยู่ดี แถมอาจจะมีหนี้สินกลับมาด้วย ก็เลยคิดว่าหรือเราบวชเลยดีหว่า จะได้ตอบแทนพ่อแม่ด้วย อาจจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราทำให้เค้าได้แบบทำให้เค้าภูมิใจ ก็เลยบอกพ่อแม่ว่าเดี๋ยวจะบวชให้นะ เราบวชให้เค้าจริงๆ ไม่เอางานใหญ่ๆ หรือจัดอะไรที่มันเอิกเกริก จริงๆ ตอนแรกบอกพ่อแม่ว่าอยากบวชวัดป่า อยากสงบไปเลย แต่แม่ห่วงว่าเราจะอยู่ไม่ได้ สุดท้ายก็เลือกวัดหัวเมืองของจังหวัดนครสวรรค์นี่แหละ สะดวกดี อยู่สบายๆ หน่อย

ขั้นตอนก่อนหน้าที่จะถึงวันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก ไปที่วัด บอกพระที่ดูแลเรื่องบวชว่าเราจะขอบวชวันไหน เค้าก็จะดูว่ามีคิวมั้ย (คือเวลาบวชต้องบวชวันละรูปเท่านั้น) พอวันที่เราต้องการว่าง วัดก็จะลงคิวไว้ เราก็เขียนใบสมัครไปแล้วก็เอาหลักฐานพวกบัตรประชาชน ใบรับรองแพทย์(ตรวจเอดส์กับสารเสพติดด้วย) แล้วก็สิ่งที่เรียกว่า “ใบสมัครบรรพชา” ซื้อที่ร้านขายเครื่องบวชมาด้วย เอาจริงๆ ไม่เคยเห็นอีใบนี่เลยนะว่าหน้าตาเป็นไง ก็ไม่ได้ใส่ใจ เสร็จแล้วตลอด 2 เดือนก็ให้ท่องบทคำบวชให้เป๊ะ ก็ยอมรับว่า 2 เดือนที่ผ่านมาจำได้แค่ 70% เอง มันวุ่นวายมากเลยนะก่อนที่จะขอบวช เหมือนมารอ่ะ สุดท้ายก็ท่องได้แค่บางวันเอง

วันนี้นับถอยหลังเข้าสู่วันที่ 5 ก่อนจะเข้าการบวชที่แท้จริง ก็เอาเอกสารทั้งหมดที่วัดเค้าขอไปยื่นแล้วก็กรอกใบสมัครที่ว่า ซึ่งพอได้มาจริงๆ ก็พบว่ามันโบราณใช้ได้… ก็เจอหลวงพี่ที่ดูแลเรื่องบวชมาช่วยกรอก วันที่ไปก็เจอพี่คนนึงจะมาบวชเหมือนกัน เค้าบวชหลังจากเราวันนึง กลายเป็นเราคือผู้สาธิตของพี่เค้าเลย แง พอยื่นเสร็จ หลวงพี่ก็ให้เราเริ่มท่องให้เค้าฟังว่าเราท่องมายังไง เราก็ยังเหลือบมองกระดาษอยู่ตลอด มันจำไม่ได้หมดอ่ะ ฮือ แล้วพอท่องเสร็จ ก็สอนกราบ สอนรับผ้าจีวร นิดๆ หน่อยๆ นึกว่าวันนี้จะนานนะ แต่ใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียวท่านก็ปล่อยเรากลับบ้านละ พรุ่งนี้ก็ไปเจอกันใหม่

ทั้งหมดทั้งมวลขั้นตอนมันเย๊อะะะะะมาก ฟังแล้วยังแบบ ทำไมเยอะจังงงง แต่นั่นแหละ ตั้งใจจะบวชแล้วก็ต้องทำให้เต็มที่ ท่องไม่ได้เดี๋ยวอดบวช ฮ่ะๆ เดี๋ยวมาดูกันต่อว่า พรุ่งนี้เราต้องซ้อมอะไรบ้าง 😀