ลืมบอกกันไปเลยสินะว่าเรา… “เรียนจบแล้วโว้ยยยยยยยยย”

จบตั้งแต่วันเสาร์ที่ 18 มกราคม รวม 130 หน่วยกิต เกรดก็ตามนั้น เฮ้อ เสร็จสิ้นกันซักทีชีวิตในวัยเรียน นี่ลองคิดๆ ดูแล้วนะ ผมใช้เวลากับการเรียนน่าจะ 18 ปีได้ นับตั้งแต่อนุบาล 2 ลากยาวมาจนถึงมหาวิทยาลัย อยากเขียนขอบคุณครูบาอาจารย์ เพื่อนๆ เจ้าหน้าที่ พนักงานในโรงเรียนเอยหรือมหาวิทยาลัยเอยเป็นชื่อคงจะยาวมาก บางคนจำได้บ้างไม่ได้บ้าง เยอะแยะไปหมด
ตั้งแต่อยู่บ้านหลังจากส่งงานการเสร็จ มันรู้สึกเลยนะว่าอารมณ์เปลี่ยนๆ ไปเยอะ ทุกวันอยู่มอต้องทำงาน อยู่กับเพื่อน ทำโน่นนี่นั่น กลับมาบ้านก็ได้แต่กิน นอน เล่นกับหมาแมว จับเม้าส์จะทำงานแล้วก็ปิดโปรแกรมไป นอนดึก ตื่นเที่ยง เสพย์บันเทิง พูดง่ายว่า “ขี้เกียจแดก” เฮ้อ เพลียตัวเองสุดๆ ตอนนั้น คืออย่านึกว่าเราเป็นเด็กเกาะพ่อแม่กินนะ ก็ไปช่วยแม่ขายของบ้างไรบ้างแหละ ออกหางานแล้ว แต่ก็ไม่ได้บ้าง ไม่ถูกใจมาก (เรื่องมากเนอะ) สุดท้ายพี่เหมียว หัวหน้าทีมที่เคยฝึกงานอยู่ NECTEC ก็เลยโทรมาชวนให้กลับไปทำ Outsource 2 เดือน ค่าตอบแทนก็อู้หูอ้าหาเหมือนกัน ตอนโทรมาตอนนั้น มันดันเกิดความสับสนเยอะอยู่ ไหนจะที่พักที่ไม่อยากกลับมาหอกอล์ฟวิวบ้าง ม็อบบ้าง อะไรบ้าง ไหนจะค่าใช้จ่ายในการลงทุนแรกที่แม่ต้องจ่ายอีก เลยให้แม่ฟันธงเลยละกัน พอไปปรึกษากับแม่ คำพูดแม่ตอนนั้นเหมือนเห็นเราอยู่บ้านก็คงเบื่อ เลยบอกให้มาทำเลย ดีกว่าอยู่เฉยๆ ไปวันๆ วันต่อมาก็เลยโทรไปตอบตกลงพี่เค้าซะเลย ฉะนั้น ตอนนี้ เวลานี้ อยู่หอกอล์ฟวิวเหมือนเดิม ตึกเดิม ห้องเลขเปลี่ยนไปตัวเดียว (อืมนะ..) เลือกที่พักเดิมเพราะใกล้สุดละแล้วก็ถูกด้วย ส่วนที่ทำงานก็ที่เดิม ระยะเวลา 2 เดือน นั่นหมายความว่า ผมคือ มนุษย์วัยทำงาน Level.Novice เรียบร้อย ^^
ถ้าให้พูดตามช่วงวัย นี่ก็ 22 ละ น่าจะเป็นช่วงวัยรุ่นตอนปลายๆ แล้วมั้งนะ คือ 25 มันคงเริ่มหมดความเป็นวัยรุ่นแล้ว 26 ก็เริ่มอัพระดับเป็นผู้ใหญ่วัยแรกเริ่มประมาณนี้ ถามว่าทำงานมาสองวันรู้สึกยังไง ถ้าให้ตอบมันก็ยังบอกได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่ เพราะสถานที่นี้เราก็คุ้นชินมาแล้วตั้ง 4 เดือน แต่ต้องให้สนิทมากขึ้น ส่วนตอนทำงานมันทำงานได้เต็มที่เหมือนกันนะ ตอนเรามาฝึกงานมันยังติดเล่นโน่น ทวีตถี่ ไร้สาระไปวันๆ สุดท้ายก็หมดแต่ละวันไปอย่างน่าเสียดาย แต่สองวันที่ผ่านมามันไม่ใช่แฮะ เราทวีตไม่ถี่เท่าไหร่เมื่อมาเช็คดู แถมสมาธิตอนทำงานก็มีมากขึ้นหน่อยๆ ทำงานได้สบายขึ้นด้วย เพราะมันไม่มีอะไรต้องกังวลละ เพียงแต่ต้องทำหน้าที่ ณ ตอนนี้ให้เต็มที่และดีที่สุดและตามระยะเวลาให้ดีก็พอแค่นั้นเอง
ในวัยเรียนเรามักจะได้ยินเสมอว่า “เข้ามหาลัยเดี๋ยวก็อิสระแล้ว” พอเข้ามหาลัย “เดี๋ยวปี 4 ก็สบายแล้ว” พอขึ้นปี 4 “ทำงานก็สบายแล้ว” พอจบ.. สบายจริง แต่ไม่มีตังกินข้าวเอง อืม.. ก็ลองคิดดูละกัน มนุษย์เรามันไม่ได้สบายตลอดไปหรอก ยกเว้นแต่พวกหนูตกถังข้าวสารแค่นั้นแหละ ที่จะบอกสุดท้ายก็คือ ชัีวิตมนุษย์ไม่ได้สบายตลอดรอดฝั่งหรอกนะ มันต้องมีหนทางให้เราฝ่าไปเรื่อยๆ เหมือนเล่นเกมนั่นแหละ พอ Level แรกๆ ก็ง่ายๆ สบายๆ แต่ไม่มีอาวุธ ไม่มีประสบการณ์อะไรเลย พอ Level ยิ่งมาก มันก็ยิ่งยาก ยิ่งเหนื่อย แต่พอผ่าน Level นั้นมาได้ สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ ค่าประสบการณ์มากมาย มิตรภาพดีๆ และความรู้ซึ่งเป็นอาวุธชั้นยอดที่หล่อหลอมให้เราแกร่งกล้าพอที่อยู่ในสังคมอันแสนโหดร้ายนี้ได้ ที่สำคัญ ถ้าเด็กๆ คนไหนโดนรุ่นพี่บอกว่า “…จะสบายแล้ว” ตอบกลับคนนั้นไปแล้วก็ยิ้มให้งามๆ ด้วยว่า “ตายแล้วนั่นแหละ ถึงจะสบาย :)”